วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

งานชิ้นที่ 3 : สร้างอีเมล์และบัญชีผู้ใช้ wordpress


งานชิ้นที่ 3

         ให้นักเรียนจับคู่เพื่อสร้างบล็อก wordpress โดยมีข้อกำหนดดังนี้


1. สมัครอีเมล์เพื่อใช้ในการสมัครสมาชิก (Gmail Account)
2. สร้างบัญชีผู้ใช้ของ wordpress และตกแต่งโดยใช้ธีมของบล็อก
3. เขียนบันทึกแรกของบล็อก รายงานตัวโดยใช้ข้อความดังนี้
  • ชื่อ-สกุล 
  • ชั้น
  • เลขที่ 
  • อีเมล์
  • ที่อยู่บล็อก wordpress (URL)
ตัวอย่าง
  • นายกฤษฎา ธารกุล เลขที่ 1
  • นายภาสกร คุ้มสร้อย เลขที่ 14
  • ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3
  • E-mail : folkbank53@gmail.com
  • URL : folkbank.wordpress.com
4. แชร์ลิงค์ของบันทึกแนะนำตัว เข้ากลุ่มห้องใน Facebook

ใบความรู้ที่ 4 : Wordpress คืออะไร


ใบความรู้ที่ 4


Wordpress  คืออะไร


Wordpress.com เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เว็บไซด์ที่ให้บริการ Blog ซึ่ง Blog ก็ คือพื้นที่สำหรับเขียนข้อความหรือเรื่องราวต่าง ๆ โดยเจ้าของ Blog สามารถเข้าไปใช้งานหรืออัพเดทข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลา  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนขอเพียงสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เท่านั้นและผู้เข้าเยี่ยมชมหรือผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นได้เท่าที่เจ้าของบล็อกอนุญาต
WordPress เป็น open source web software ที่เราสามารถติดตั้งบนเว็บ server ของเราเพื่อสร้างเว็บไซต์, blog หรือ community ตอนเริ่มแรก WordPress เป็นเครื่องมือไว้สำหรับสร้าง blog แต่ได้รับการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนสามารถสร้างเป็นเว็บไซต์ หรือ เว็บ community ได้แล้ว โดยมีระบบจัดการบทความ หรือ Content Management System (CMS) ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่ง WordPress สร้างขึ้นโดย Matt Mullenweg และ Mike Little ในปี 2003 นับว่ามีการพัฒนามาถึง 9 ปีแล้ว

WordPress.com กับ WordPress.org
WordPress.com
§  ติดตั้งง่าย ต้องบอกว่าแค่สมัครไม่ต้องติดตั้ง เพราะเมื่อสมัครแล้วทำตามกระบวนการเสร็จแล้ว เราก็จะได้เว็บตามที่เราต้องการ ภายใต้ url xxxxx.wordpress.com แล้ว
§  ไม่ต้องเสียค่า hosting เพราะข้อมูลต่าง ๆ จะอยู่บน server ของ wordpress.com
§  มีการอัพเดต wordpress ให้อยู่เสมอเมื่อมีเวอร์ชั่นใหม่ออกมา
§  มี plugin ที่จำเป็นสำหรับเว็บทั่ว ๆ ไปติดตั้งไว้ให้แล้ว โดยเป็นทาง wordpress.com เลือกไว้ให้เราใช้งาน
§  แน่นอนว่า ฟรี จะเสียค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อเราต้องการอัพเกรดเพื่อให้เราฟังก์ชั่นที่มากขึ้นจากที่ทาง wordpress.com เตรียมไว้ให้
WordPress.org
§  อิสระในการใช้งาน เนื่องจากเราโหลดมาติดตั้งที่ server ของเราเอง ดังนั้นเราสามารถปรับแต่งได้ตามใจเรามากกว่าใช้งานบน wordpress.com
§  ปรับแต่ง theme ของเราได้ตามสะดวก และสามารถ download theme มาติดตั้งเองได้ โดยไม่ต้องเลือกเฉพาะที่ทาง wordpress.com จำกัดไว้ให้
§  ติดตั้ง plugin ได้ตามใจเรา อยากได้ตัวไหน download มาติดตั้งได้เลย
§  ปรับแต่ง code ได้ตามที่เราต้องการ และทาง wordpress.org เองก็มีคู่มือไว้รองรับอยู่แล้ว

§  เลือก hosting ที่เราต้องการ ในราคาที่เราต้องการได้ ไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงที่เดียว

ใบความรู้ที่ 3 : รู้จักกับ บล็อก

ใบความรู้ที่ 3

รู้จักกับบล็อกออนไลน์





Blog คืออะไร 
บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงค์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"
บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ให้กับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

ความหมายของคำว่า Blog
          บล็อก คือรูปแบบหนึ่งของเว็บไซต์ เป็นการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของบล็อกนั้นสามารถครอบคลุมได้ทุกเรื่อง มีเนื้อหาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัวที่สามารถเรียกได้ว่า ไดอารีออนไลน์ หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่างๆ สามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้าน เช่น สิ่งแวดล้อม การเมือง เทคโนโลยี กีฬา ธุรกิจการค้า เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่างๆ อีกมากมาย ตามความถนัด ความสนใจของเจ้าของบล็อก เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อกนั่นเอง
          บล็อกถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้ที่ลำดับแรกสุด โดยปกติบล็อกจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงค์ และสื่อชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลง วิดีโอ หรือสื่ออื่นๆ ที่สามารถแสดงผลผ่านเว็บไซต์ได้
          จุดเด่น และจุดแตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายผ่านทางระบบการแสดงความคิดเห็น (Comment) ของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆ ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที บล็อกบางแห่งจะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มเพื่อนๆ หรือครอบครัว

ส่วนประกอบของ Blog
          บล็อกประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ
          1. หัวข้อ (Title)
          2. เนื้อหา (Post หรือ Content)
          3. วันเวลาที่เขียน (Date/Time)

การใช้งานบล็อก
          ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บบราวเซอร์เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที
          ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้าน HTML หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้ระบบการจัดการบล็อกจะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้
          สำหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็นได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด (Feed) ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรงผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น




วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ใบงานที่ 2 : การนำเสนอข้อมูล

ใบงานที่ 2

จากการศึกษา ใบความรู้ที่ 2 การนำเสนอข้อมูล
ให้นักเรียนสรุปความรู้ในรูปของแผนผังมโนทัศน์และตอบคำถามต่อไปนี้ ลงในกระดาษด้านหลังของผังมโนทัศน์


1. การนำเสนอ คืออะไร?
2. การนำเสนอ มีความสำคัญอย่างไร?
3. การนำเสนอ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
4. ถ้านักเรียนต้องนำเสนอการออกแบบโปสเตอร์หน้าชั้นเรียน ควรเตรียมการอย่างไร?
5. สิ่งใด ที่ทำให้การนำเสนอมีประสิทธิภาพ

********************************************

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ใบความรู้ที่ 2 การนำเสนอข้อมูล


การนำเสนอข้อมูล

การนำเสนอ เป็นการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดข้อมูลจากผู้นำเสนอไปยังกลุ่มของผู้รับสารให้เกิดความเข้าใจ ในเรื่องที่นำเสนอ โดยอาศัยเทคนิค และสื่อต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อนโน้มน้าวให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ การนำเสนอมีความสำคัญต่ออาชีพหลายๆ อาชีพ ฉะนั้นผู้นำเสนอจะต้องรู้จักศึกษาข้อมูลต่างๆ วิเคราะห์ผู้ฟัง โอกาส และสถานการณ์ในการนำเสนอด้วย เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่วางไว้ และสามารถสื่อความหมายได้ตรงกันระหว่างผู้นำเสนอและผู้รับสาร

ความหมายของการนำเสนอข้อมูล
การนำเสนอข้อมูล หมายถึง การสื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็นหรือ ความต้องการไปสู่ผู้รับสาร โดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่าง ๆ อันจะทำให้บรรลุผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของการนำเสนอ

ความสำคัญของการนำเสนอ
ในปัจจุบันนี้การนำเสนอเข้ามามีบทบาทสำคัญในองค์กรทางธุรกิจ ทางการเมืองทางการศึกษา หรือแม้แต่หน่วยงานของรัฐทุกแห่งก็ต้องอาศัยวิธีการนำเสนอเพื่อสื่อสารข้อมูลเสนอความเห็น เสนอขออนุมัติ หรือเสนอข้อสรุปผลการดำเนินงานต่าง ๆ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ การแนะนำเพื่อการเยี่ยมชม การฝึกอบรม การประชุม หรือผู้ที่เป็นหัวหน้างานทุกระดับจะต้องรู้จักวิธีการนำเสนอ เพื่อนำไปใช้ให้เหมาะสมกับงานต่าง ๆ และเพื่อผลสำเร็จของการพัฒนางานของตน หรือขององค์กรและหน่วยต่าง ๆ กล่าวโดยสรุปการนำเสนอมีความสำคัญ ต่อการปฏิบัติงานทุกประเภท เพราะช่วยในการตัดสินใจในการดำเนินงาน ใช้ในการพัฒนางาน ตลอดจน เผยแพร่ความก้าวหน้าของงานต่อผู้บังคับบัญชาและบุคคลผู้ที่สนใจ

จุดมุ่งหมายในการนำเสนอ
          1. เพื่อให้ผู้รับสารรับทราบความคิดเห็นหรือความต้องการ
          2. เพื่อให้ผู้รับสารพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
          3. เพื่อให้ผู้รับสารได้รับความรู้จากข้อมูลที่นำเสนอ
          4. เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

ประเภทของการนำเสนอ
ในระบบการทำงานปัจจุบันนี้ การนำเสนอด้วยวาจามีความจำเป็นและเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย เพราะมีส่วนช่วยให้การปฏิบัติงานบรรลุจุดมุ่งหมายและพัฒนางานได้รวดเร็วขึ้น การนำไปใช้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่นำไปใช้ และมีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งและหน้าที่การงานที่รับผิดชอบของผู้นำไปใช้ ประเภทของการนำเสนอแบ่งอย่างกว้าง ๆ มี 2 รูปแบบ ดังนี้
          1. การนำเสนอเฉพาะกลุ่ม เป็นการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ต่อผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมรับทราบข้อมูลในการนำเสนอ
          2. การนำเสนอทั่วไปในที่สาธารณะ เป็นการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมฟังการนำเสนอได้ มีการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ซึกถามเพิ่มเติมหรือแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย

ลักษณะของข้อมูลที่นำเสนอ
ในการนำเสนอแต่ละครั้งนั้นสามารถนำข้อมูลที่มีลักษณะแตกต่างกันมาร่วมนำเสนอด้วยกันได้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้นำเสนอ ข้อมูลที่จะนำเสนอแบ่งออกตามลักษณะของข้อมูล ได้แก่
          1. ข้อเท็จจริง หมายถึง ข้อความที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เรื่องราวเป็นมาหรือเป็นอยู่ตามความจริง อาจเป็นความรู้ที่ได้จากการทดสอบหรือทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานข้ออ้างอิงสำหรับกล่าวอ้างถึงในการพิสูจน์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
          2. ข้อคิดเห็น เป็นความเห็นอันเกิดจากประเด็นหรือเรื่องราวที่ชวนให้คิดอาจเป็นความรู้สึก ความเชื่อถือหรือแนวคิดที่ผู้นำเสนอมีต่อสิ่งใดสิ่งหึ่ง ความเห็นของแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ข้อคิดเห็นต่างจากข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นมีลักษณะ ต่าง ๆ กัน ดังนี้
                    2.1 ข้อคิดเห็นเชิงเหตุผล เป็นข้อคิดเห็นที่อ้างถึงเหตุผล อ้างถึงข้อเปรียบเทียบที่เชื่อถือได้ และความมีเหตุผลต่อกัน โดยชี้ให้ผู้ฟังเห็นว่า ควรทำอย่างนี้เพราะเหตุเช่นนี้ แต่ถ้าไม่ทำอย่างที่กล่าวก็จะมีผลตามมาเป็นอย่างไร โดยทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลของผู้แสดงความคิดเห็นเท่านั้น
2.2 ข้อคิดเห็นเชิงแนะนำ เป็นข้อคิดเห็นที่บอกกล่าวให้ผู้รับฟังทราบว่าสิ่งใดควรปฏิบัติ และผลของการปฏิบัติและไม่ปฏิบัติ ๆ จะเป็นอย่างไรบางครั้งอาจมีการแนะนำวิธีการปฏิบัติควบคู่กันไปด้วยก็ได้
                    2.3 ข้อคิดเห็นเชิงวิจารณ์ เป็นข้อคิดเห็นที่กล่าวถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยการเปรียบเทียบระหว่างส่วนดีกับส่วนบกพร่องหรือข้อดีข้อเสียหรือค้นหาข้อบกพร่องจากเรื่องนั้น ๆ แล้วนำมาเสนอแนะในแง่มุมที่ดีกว่าหรือควรนำมาปรับปรุงใหม่

การเตรียมการนำเสนอ
          การนำเสนอเรื่องในลักษณะใดก็ตามถ้าไม่มีการเตรียมพร้อมอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายหรือไม่เป็นไปดังที่ตั้งจุดหมายไว้ ฉะนั้นถ้าต้องการให้การนำเสนอข้อมูลเป็นไปด้วยความราบรื่นและบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ต้องการ ผู้นำเสนอควรจะต้องเตรียมการให้พร้อมก่อนที่จะนำเสนอทุกครั้ง การเตรียมการเพื่อนำเสนอข้อมูลมีขั้นตอนดังนี้
1. การศึกษาข้อมูล   ผู้ที่นะนำเสนอจะต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ดั้งนี้
1.1 ศึกษาเรื่องที่จะนำเสนอเพื่อรวบรวมแกละจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่จะ นำเสนอให้ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
1.2 ศึกษาวิเคราะห์ผู้รับการนำเสนอหรือผู้ฟัง เพื่อที่จะได้วางแผนการใช้เทคนิคและวิธีการนำเสนอ
1.3 ศึกษาวิเคราะห์นำเสนอ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำภาษาที่เหมาะสม
1.4 ศึกษาวิเคราะห์จุดมุ่งหมายที่จะนำไปเสนอเพื่อให้สอดคล้องสัมพันธ์กับผู้รับการนำเสนอ
1.5 ศึกษาโอกาสเวลาและสถานที่ที่จะนำเสนอเพื่อจะได้กำหนดเค้าโครงและเนื้อหาพร้อมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำเสนอ
          2. การวางแผนการนำเสนอจะช่วยให้การนำเสนอเป็นไปตามลำดับข้อมูลไม่สับสนครบถ้วนสมบูรณ์เหมาะสมกับเวลาการนำเสนอที่บรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ควรมีการวางแผนที่จะนำเสนอดังนี้
2.1 รูปแบบวิธีการนำเสนอโดยมีหลักในการวางรูปแบบวิธีการนำเสนอแบ่งกว้างๆ ได้เป็น 2 แบบ คือ
                   1. การนำเสนอแบบที่เป็นทางการเช่นการนำเสนอแบบรูปแบบปาฐกถาการอภิปรายการบรรยายพิเศษต่าง ๆ
                   2. การนำเสนอแบบที่ไม่เป็นทางการ
2.2 วางแนวทางในการแก้ปัญหาและอุปสรรคปัญหาและอุปสรรคในการนำเสนออาจจะเกิดขึ้นได้ในหลายหลายกรณีถ้าเราคาดเดาปัญหาไว้ก่อนล่วงหน้าโดยการศึกษาข้อมูลก่อนที่จะนำเสนอให้ถ่องแท้ก็สามารถช่วยให้มองแนวทางในการแก้ปัญหา
2.3 วางเค้าโครงการนำเสนอ ทำได้โดยการนำหัวข้อที่จะนำเสนอมาแบ่งหมวดหมู่เรียงตามลำดับ แล้วเขียนเป็นลำดับขั้นคอนของแผนการนำเสนอ
2.4 วางแนวทางในการนำเสนอ เป็นการกำหนดแนวทางที่จะใช้ในการนำเสนอจัดทำหลังจากที่ได้วางเค้าโครงแล้ว การวาง แนวทางในการเสนอจะช่วยให้ผู้นำเสนอเกิดความพร้อม ดังนี้
1. กำหนดวิธีการนำเสนอ
2. กำหนดสถานที่ที่พร้อมและเหมาะสมในการนำเสนอ
3. กำหนดวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ประกอบการนำเสนอ
4. กำหนดบุคคลผู้เกี่ยวข้อง
5. กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการนำเสนอ
2.5 วางกำหนดขั้นตอนการนำเสนอ เมื่อได้วางแนวทางการนำเสนอขันต่างๆมาแล้ว ขั้นสุดท้ายก็จะต้องกำหนดขั้นตอนการนำเสนอให้สัมพันธ์กับวิธีการ
          3.  การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ การบรรยายเพียงอย่างเดียวไม่อาจดึงดูดความสนใจของผู้ฟังได้ตลอดเวลา ฉะนั้นจึงต้องใช้วัสดุหรือเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เรียกว่าโสตทัศนูปกรณ์ เข้ามาใช้ประกอบเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนใจแต่ที่นิยมใช้กันมีดังนี้
3.1 อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการบรรยาย
1. เครื่องฉายแผ่นใส หรือเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
2. วีดิทัศน์ ภาพยนตร์ ภาพนิ่ง แผ่นใส
3. แบบจำลอง
3.2 อุปกรณ์ที่ใช้เสริมการบรรยาย
1. แผ่นพับ      
2. หนังสือ       
3. รูปภาพ       
4. เอกสารประกอบ
4. การจัดเตรียมความพร้อมของสถานที่  นอกจากจะต้องตระเตรียมวัสดุอุปกรณ์เพื่อนำมาประกอบการนำเสนอแล้ว การเตรียมความพร้อมของสถานที่ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้การนำเสนอเป็นไปได้ด้วยดี
4.1 การจัดห้องสำหรับการนำเสนอ ควรเลือกให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ฟังเช่น ห้องประชุมขนาดเล็ก ห้องประชุมขนาดใหญ่
4.2 การจัดที่นั่งและแท่นสำหรับการนำเสนอ จะต้องเตรียมให้พร้อม
1. แท่นสำหรับบรรยายใช้ในกรณีที่ยืนพูด
2. โต๊ะสำหรับบรรยายใช้กรณีที่นั่งพูด
3. โต๊ะวางอุปกรณ์ช่วยประกอบการบรรยาย
4.3 ระบบระบายอากาศ จะต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี
4.4 ระบบเสียง ควรมีการทดสอบก่อนการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้ดี มีความดังชัดเจน
4.5 ระบบแสดงสว่างภายในห้อง จะต้องให้เหมาะสมกับสายตาของผู้ฟัง พอเหมาะกับการใช้งาน
4.6 การประดับตกแต่งสถานที่ การใช้สิ่งประดับตกแต่งห้องหรือบริเวณที่จะใช้ในการนำเสนอทั้งสิ้น สิ่งที่นำมาตกแต่งควรมีความเหมาะสมกับงาน

ปัจจัยที่ทำให้การนำเสนอมีประสิทธิภาพ
         1. เนื้อหาข้อมูล ผู้นำเสนอจะต้องจัดเตรียมความพร้อมของเนื้อหา ข้อมูลดังนี้
               1.1 จัดข้อมูลอย่างเป็นระบบและเป็นลำดับขั้นตอน
               1.2 จัดทำเค้าโครงการนำเสนอทุกครั้งที่มีการนำเสนอ
         2. ผู้นำเสนอ ผู้นำเสนอที่มีประสิทธิภาพที่ดีดังนี้
               2.1 มีความรู้ในเรื่องที่จะนำเสนอเป็นอย่างดี
               2.2 ศึกษาวิเคราะห์ผู้ฟัง โอกาสและสถานการณ์ก่อนการนำเสนอทุกครั้ง
               2.3 มีบุคลิกภาพและการวางตัวที่เหมาะสม
         3. การดำเนินการนำเสนอ
               3.1 เทคนิคและวิธีการนำเสนอ
                     1. ใช้วิธีการนำเสนอที่เหมาะสม วิธีการที่ใช้สำหรับการนำเสนอข้อมูลมีให้เลือกหลายวิธี
                          - การอธิบายเหตุผล
                          - การเล่าเหตุการณ์
                     2. ใช้อุปกรณ์ช่วยในการนำเสนอ นอกจากใช้วิธีการที่เหมาะสมกับการนำเสนอแล้ว ผู้นำเสนอจะต้องพยายามดึงดูดความสนใจ อุปกรณ์ที่นิยมใช้กันมีดังนี้
                          - เอกสารประกอบการนำเสนอ
                          - แผ่นใน ภาพนิ่ง แผนผัง
                     3. ให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม การพูดเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกเบื่อหน่าย การกระตุ้นให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในการนำเสนอนับเป็นวิธีหนึ่งที่จะ ช่วยดึงความสนใจ
                     4. รู้จักใช้จิตวิทยาในการนำเสนอ สำหรับจิตวิทยาในการนำเสนอ แรงจูงใจ หมายถึงแรงจูงใจที่ชักจูงให้ผู้ฟังสนใจ ได้แก่ ความอยากรู้อยากเห็น
                     5 .สรุปทบทวนประเด็นสำคัญ การสรุปเป็นการช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
         3.2 ศิลปะในการนำเสนอ
               1. มีการแสดงมารยาททางสังคม
                     (1) การทักทายที่ประชุมเป็นการให้เกียรติที่สำคัญต้องมีความสุภาพ
                     (2) การแนะนำตัว กรณีที่ไม่มีผู้ใดแนะนำตัวที่จะมานำเสนอให้กับผู้ฟังได้ รู้จักผู้นำเสนอจะต้องแนะนำชื่อตนเองให้ชัดเจน
               2. มีการใช้ภาษาที่เหมาะสม
                     (1) ภาษาที่ใช้ต้องมีความชัดเจน
                     (2) ภาษาที่ใช้ต้องมีเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ผู้พูดต้องคำนึงถึงทุกเพศทุกวัย
                     (3) ภาษาที่ใช้ต้องมีความสมเหตุสมผล ฉะนั้นผู้นำเสนอจึงควรยกตัวอย่างประกอบเรื่องที่พูด      3. มีการแสดงออกที่เหมาะสม การนำเสนอถึงแม้จะเนื้อหาสาระดีเพียงใดหากมีการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้การนำเสนอนั้นๆ หมดคุณค่าได้
               1. การแสดงออกทางใบหน้า ขณะที่นำเสนอผู้พูดควรแสดงความมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้ฟัง โดยการ
ยิ้มแย้มแจ่มใส
               2. การทรงตัวและการวางท่า ในขณะที่ผู้นำเสนอยืนพูดหรือนั่งพูด
               3. มีมนุษยสัมพันธ์กับผู้ฟัง ความมีมนุษยสัมพันธ์อันดีนับเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมิตรภาพในการสื่อสารสร้างความคุ้นเคย
               4. มีวิธีการสื่อสารที่ดี วิธีการสื่อสารก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่มีส่วนกำหนด
ประสิทธิภาพในการนำเสนอมี 2 ลักษณะคือ
                     (1) การสื่อสารทางเดียว ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการ คือ ผู้นำเสนอ สาร สื่อ และผู้รับฟัง การสื่อสารในลักษณะนี้ผู้นำเสนอจะเป็นฝ่ายสื่อสารเพียงฝ่ายเดียว

                     (2) การสื่อสารสองทาง ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการ เช่นเดียวกับการสื่อสารทางเดียว

*******************************************

งานชิ้นที่ 3

จากการศึกษา "การนำเสนอ"

 ให้นักเรียนสรุปสาระสำคัญในรูปของผังมโนทัศน์ (Mind Mapping)


******************************************

งานชิ้นที่ 2 : การออกแบบโปสเตอร์

จากการแบ่งกลุ่มทำงานรายงานเชิงวิชาการ


ให้นักเรียนออกแบบโปสเตอร์

ที่มีความสัมพันธ์กับหัวข้อรายงาน 1 ชิ้น

โดยใช้โปรแกรม Adobe Photoshop CS5 

เพื่อประกอบรายงานโดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • กำหนดขนาด A4 resolution 300
  • ต้องมีชื่อผลงานเห็นเด่นชัด
  • ภาพประกอบเกี่ยวข้องกับรายงาน
  • ชื่อผู้จัดทำ
  • บันทึกผลงานเป็นไฟล์ .PSD และ .JPG
  • ระยะเวลาในการสร้างผลงาน 4 ชั่วโมง



ใบงานที่ 1 : คำถาม เรื่อง รายงานเชิงวิชาการ

ใบงานที่ 1

จากการศึกษา ใบความรู้ที่ 1 รายงานเชิงวิชาการ
ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ ลงในสมุด

  1. จงสรุปความหมายของรายงานวิชาการมาตามความเข้าใจ
  2. รายงานมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
  3. แนวคิดพื้นฐานสำคัญของนักเขียนมืออาชีพได้แก่อะไรบ้าง
  4. องค์ประกอบของการเขียนรายงานประกอบไปด้วยกี่ส่วน อะไรบ้าง
  5. ให้นักเรียนเขียนบรรณนุกรมให้ถูกต้อง โดยยกตัวอย่างมา 5 เล่ม